Blog

ส่งของไปต่างประเทศ

เปรียบเทียบ FCL vs LCL เลือกส่งของไปต่างประเทศ แบบไหนคุ้มค่าและดีกว่า

ส่งของไปต่างประเทศด้วยการขนส่งทางเรือยังคงเป็นตัวเลือกหลักของหลายธุรกิจ เพราะทั้งประหยัดและคุ้มค่ามากกว่า แต่ก็มักตามมาด้วยคำถามที่ว่า จะเลือกแบบไหนดีระหว่าง FCL กับ LCL เพราะมีผลทั้งเรื่องต้นทุน เวลา และความเสี่ยงของสินค้า ซึ่งถ้าเลือกผิดก็อาจจ่ายแพงเกินจำเป็น หรือของส่งถึงปลายทางช้ากว่าที่คิดได้เหมือนกัน บทความนี้จะมาช่วยไขข้อข้องใจทั้งหมดแบบเจาะลึก ตั้งแต่หลักการพื้นฐานไปจนถึงจุดตัดสินใจว่า สินค้าของคุณควรใช้บริการส่งของต่างประเทศ แบบไหนที่ตอบโจทย์และคุ้มค่ากับธุรกิจได้มากที่สุด เพื่อให้คุณพร้อมลุยตลาดโลกได้อย่างมั่นใจ FCL กับ LCL คืออะไร? ทำความเข้าใจก่อน ส่งของไปต่างประเทศ ก่อนตัดสินใจว่าจะเลือกแบบไหนส่งของไปต่างประเทศ เราขอพามาทำความรู้จักทั้งสองรูปแบบของการส่งของต่างประเทศกันก่อน FCL (Full Container Load) คืออะไร เหมาะกับสินค้าแบบไหน FCL (Full Container Load) คือการขนส่งแบบ ‘เช่าตู้คอนเทนเนอร์ทั้งตู้’ ไม่ว่าสินค้าของคุณจะเต็มตู้หรือไม่ก็ตาม เหมาะสำหรับผู้ส่งออกที่มีปริมาณสินค้าจำนวนมาก ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง หรือสินค้าที่มีความเสี่ยงสูง เช่น สินค้าที่แตกหักง่าย หรือสินค้าอันตราย เพราะสินค้าจะถูกปิดผนึกอยู่ในตู้ของคุณเพียงผู้เดียวตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง LCL (Less than Container Load) คืออะไร ข้อดีสำหรับ SME LCL (Less […]

เปรียบเทียบ FCL vs LCL เลือกส่งของไปต่างประเทศ แบบไหนคุ้มค่าและดีกว่า Read More »

freight forwarder thailand

เจาะบทบาท Freight Forwarder ในการจัดการสินค้าแบบ Just-in-Time

ธุรกิจทุกวันนี้ไม่ได้แข่งขันกันที่คุณภาพของสินค้า แต่ยังรวมถึงความเร็วและการบริหารต้นทุน กลยุทธ์ Just-in-Time (JIT) หรือการผลิตแบบทันเวลาพอดี จึงสร้างความได้เปรียบให้กับธุรกิจด้วยการลดของเสียจากสินค้าคงคลัง และทำให้ผลิตสินค้าได้ตามปริมาณที่ต้องการ แต่ระบบนี้จะราบรื่นได้ก็ต่อมีการขนส่งและโลจิสติกส์มีความแม่นยำ นี่คือบทบาทสำคัญของ Freight Forwarder ทั่วโลก รวมถึง Freight Forwarder Thailand ที่ทำหน้าที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการส่งมอบสินค้าทุกชิ้นให้ถึงปลายทางอย่างตรงเวลา บทความนี้จะพาไปเจาะลึกว่า Freight Forwarder ช่วยให้ระบบ JIT ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการผลิตได้อย่างไร Just-in-Time (JIT) คืออะไร และทำไมจึงสำคัญใน Supply Chain แนวคิด Just-in-Time หรือ JIT ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัทโตโยต้า ประเทศญี่ปุ่น ที่ต้องการลดการเก็บสต็อกชิ้นส่วนในคลังและเพิ่มความยืดหยุ่นในการผลิต รวมถึงลดของเสียในทุกขั้นตอน ปัจจุบันได้กลายเป็นกลยุทธ์ซัพพลายเชนที่ถูกนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก เพราะช่วยให้ธุรกิจตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็วและบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดคลังสินค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต หลักการสำคัญของ JIT คือ ผลิตเมื่อถึงเวลา ทำให้ธุรกิจสามารถลดการเก็บสต็อกสินค้าในคลัง (Inventory) ซึ่งส่งผลให้ลดต้นทุนการเก็บรักษา (Holding Cost) เช่น ค่าเช่า ค่าดูแลรักษา และค่าประกันภัย ทำให้กระแสเงินสดของธุรกิจหมุนเวียนได้คล่องขึ้น

เจาะบทบาท Freight Forwarder ในการจัดการสินค้าแบบ Just-in-Time Read More »

Freight forwarder

ภาษีเก็บที่ใคร ถ้าเลือกให้ Freight forwarder เป็นผู้ขนส่ง

เมื่อต้องส่งของไปต่างประเทศ การมีผู้ช่วยอย่าง Freight Forwarder หรือตัวแทนผู้รับจัดการขนส่งสินค้า จะช่วยให้การขนส่งราบรื่นและสินค้าไปถึงมือผู้รับอย่างแน่นอน แต่คำถามที่หลายคนมักสงสัยคือ ใครต้องเป็นคนจ่ายภาษีเมื่อใช้บริการนี้ เรื่องนี้ไม่น่ากังวลใจอย่างที่คิด เพราะหน้าที่รับผิดชอบเรื่องภาษีถูกกำหนดไว้ชัดเจนตามข้อตกลงและกฎหมายศุลกากร โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ที่ต้องรับผิดชอบในการชำระภาษีคือ ‘ผู้นำเข้า’ (Consignee) แต่อาจมีข้อยกเว้นที่ทำให้ ‘ผู้ส่งออก’ (Shipper) ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ด้วย ซึ่งทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศ (Incoterms) ที่ตกลงกันไว้ในการซื้อขาย บทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกเรื่องภาษีทั้งฝั่งผู้นำเข้าและผู้ส่งออก และบทบาทของ Freight Forwarder Thailand ว่าจะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องนี้อย่างไรได้บ้าง ภาษีนำเข้าและส่งออก: หน้าที่ของใครกันแน่? ภาษีในการขนส่งระหว่างประเทศจะถูกแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลักคือ ‘อากรขาเข้า’ และ ‘อากรขาออก’ โดยทั่วไปแล้ว หน้าที่หลักในการชำระภาษีนำเข้าจะตกเป็นของ ‘ผู้นำเข้า’ ซึ่ง Freight Forwarder จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่ช่วยจัดการเอกสารและกระบวนการทางศุลกากร มาดูกันว่าผู้ส่งออกและผู้นำเข้ามีหน้าที่ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง ผู้ส่งออก (Shipper) มีภาระภาษีอะไรบ้าง? แม้ภาระภาษีหลักจะอยู่ที่ผู้นำเข้า แต่ผู้ส่งออกก็มีสิ่งที่ต้องจัดการ ในประเทศไทย สินค้าส่งออกส่วนใหญ่จะได้รับยกเว้นอากรขาออก และเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในอัตราร้อยละ 0 มีเพียงสินค้าบางประเภทเท่านั้นที่ยังคงต้องเสียภาษีตามที่กำหนด เช่น

ภาษีเก็บที่ใคร ถ้าเลือกให้ Freight forwarder เป็นผู้ขนส่ง Read More »

ส่งของไปต่างประเทศ

เช็กลิสต์ 5 ชนิดของยาต้องห้าม ถ้าส่งของไปต่างประเทศ โดนตีกลับชัวร์!

การส่งของไปต่างประเทศ กลายเป็นเรื่องง่ายในยุคที่เทคโนโลยีการขนส่งก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นเอกสาร พัสดุ หรือสินค้า ก็สามารถส่งของต่างประเทศไปได้อย่างราบรื่น แต่มีสินค้าหนึ่งที่ยังคงมีข้อจำกัดที่เข้มงวด นั่นคือ “ยา” นั่นเอง แม้จะเป็นเพียงยาประจำตัวที่จำเป็นต่อสุขภาพ แต่การส่งข้ามประเทศนั้นเต็มไปด้วยกฎระเบียบที่ซับซ้อน หากไม่ตรวจสอบให้ดีเสียก่อน รับรองว่าพัสดุของคุณอาจต้องถูกตีกลับมาอย่างแน่นอน บทความนี้จะมาเปิดเช็กลิสต์ 5 ชนิดของยาที่คุณควรระวัง เพื่อป้องกันการถูกยึดหรือเสียเวลาและค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น ทำไมยาบางชนิดถึงส่งไปต่างประเทศไม่ได้? ยาจัดเป็นสินค้าควบคุมที่มีผลโดยตรงต่อสุขภาพและความมั่นคงของประเทศปลายทาง จึงมีกฎเกณฑ์การส่งของไปต่างประเทศที่แตกต่างกันในแต่ละแห่ง เหตุผลหลักที่ทำให้การส่งยาบางชนิดเป็นเรื่องยาก มีดังนี้ กฎหมายและข้อกำหนดของแต่ละประเทศที่แตกต่างกัน แต่ละประเทศมีสิทธิ์กำหนดกฎระเบียบการนำเข้ายาของตนเอง สิ่งที่ถูกกฎหมายในไทยอาจผิดกฎหมายในประเทศอื่น เจ้าหน้าที่ศุลกากรจึงมีอำนาจปฏิเสธการนำเข้ายาที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของพวกเขา จึงควรตรวจสอบล่วงหน้าเสมอว่าสามารถส่งยาชนิดนั้น ๆ ไปได้หรือไม่ ยาที่จัดอยู่ในกลุ่มสารควบคุมหรือยาเสพติด ยาบางประเภท เช่น ยาที่มีส่วนผสมของสารเสพติด หรือสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท (Psychotropic Substances) ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดตามอนุสัญญาควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ การส่งยาเหล่านี้จึงต้องมีเอกสารที่ซับซ้อนและถูกต้องตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เช็กลิสต์ 5 ชนิดของยาที่มักถูกตีกลับบ่อยที่สุด หากคุณจำเป็นต้องส่งของไปต่างประเทศ นี่คือยา 5 กลุ่มที่คุณควรระวังเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสสูงที่จะถูกปฏิเสธการนำเข้าและถูกตีกลับ ยาที่มีส่วนผสมของสารเสพติด ยาแก้ปวดที่มีฤทธิ์แรง หรือยานอนหลับบางชนิดมีส่วนผสมของสารควบคุม ซึ่งถูกควบคุมเข้มงวดทั่วโลก การส่งยาเหล่านี้ต้องมีใบสั่งแพทย์ตัวจริง พร้อมเอกสารอื่น ๆ ที่ชัดเจน

เช็กลิสต์ 5 ชนิดของยาต้องห้าม ถ้าส่งของไปต่างประเทศ โดนตีกลับชัวร์! Read More »

Air Cargo

Sea Cargo vs Air Cargo เลือกแบบไหนดีที่สุด สำหรับธุรกิจของคุณ

ความลังเลในการเลือกวิธีขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเป็นเรื่องที่เจ้าของธุรกิจแทบทุกคนต้องเจอ เพราะส่งผลโดยตรงต่อทั้งต้นทุนและเวลา บางครั้งก็ต้องเลือกระหว่างความคุ้มค่าที่มาพร้อมระยะเวลาการขนส่งที่ยาวนานขึ้น กับความรวดเร็วที่แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า การตัดสินใจจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากเข้าใจข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธีอย่างชัดเจน ก็จะช่วยให้คุณเลือกได้อย่างมั่นใจว่าระหว่าง Sea Cargo และ Air Cargo แบบไหนที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณมากกว่า บทความนี้จะทำหน้าที่เป็นไกด์ไลน์ที่ช่วยไขทุกข้อสงสัย ให้คุณตัดสินใจเลือกวิธีขนส่งที่เหมาะสมกับธุรกิจคุณมากที่สุด Sea Cargo ทางเลือกสำหรับธุรกิจที่เน้นต้นทุน เมื่อพูดถึงการขนส่งทางเรือหรือ Sea Cargo สิ่งแรกที่มักถูกนึกถึงคือ “ความคุ้มค่า” เพราะต้นทุนต่อหน่วยต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการขนส่งรูปแบบอื่น จึงกลายเป็นทางเลือกของธุรกิจที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย แม้จะต้องแลกมาด้วยระยะเวลาการขนส่งที่ยาวนานกว่า แต่ก็มอบความคุ้มค่าให้ธุรกิจบางประเภท จึงเหมาะสำหรับสินค้าที่มีปริมาณมากและไม่ได้ต้องการความเร่งด่วนเป็นพิเศษ ข้อดี ต้นทุนต่ำ : เมื่อเทียบกับ Air Cargo ต้นทุนต่อหน่วยถูกกว่ามาก ทำให้ลดค่าใช้จ่ายโลจิสติกส์โดยรวมได้อย่างคุ้มค่า รองรับสินค้าปริมาณมาก : สามารถบรรทุกเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ส่งออกครั้งเดียวได้ในปริมาณมาก เหมาะกับการขนส่งล็อตใหญ่ ขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ได้ : ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักรหนัก รถยนต์ หรือวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ ที่ไม่สามารถส่งทางอากาศได้ ข้อเสีย ใช้เวลานาน : อาจต้องรอเป็นสัปดาห์หรือนานเป็นเดือนกว่าสินค้าจะถึงปลายทาง ซึ่งไม่เหมาะกับสินค้าที่ต้องการความรวดเร็ว ความเสี่ยงต่อความเสียหายจากสภาพอากาศ : สินค้าอาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่ไม่แน่นอนระหว่างการเดินทางในทะเล

Sea Cargo vs Air Cargo เลือกแบบไหนดีที่สุด สำหรับธุรกิจของคุณ Read More »

บริษัทชิปปิ้ง

ทำไมการใช้บริการบริษัทชิปปิ้งช่วยให้ส่งของต่างประเทศได้ง่ายขึ้น

  การส่งของไปต่างประเทศ ไม่ได้มีแค่การแพ็กสินค้าแล้วนำไปฝากบริษัทขนส่ง แต่เบื้องหลังยังเต็มไปด้วยรายละเอียดที่ซับซ้อน ทั้งการจัดการเอกสาร กฎระเบียบศุลกากร การคำนวณภาษี ไปจนถึงการวางแผนเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการส่งของเพียงไม่กี่ชิ้น หรือการขนส่งสินค้าจำนวนมาก หากขาดความเข้าใจเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้ธุรกิจสะดุดได้ง่าย นี่จึงเป็นเหตุผลที่ บริษัทชิปปิ้ง เข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์สำคัญ เพราะไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแค่ส่งของให้ถึงปลายทาง แต่ยังช่วยดูแลตั้งแต่การวางแผน ควบคุมค่าใช้จ่าย ไปจนถึงจัดการขั้นตอนที่ยุ่งยากทั้งหมด เพื่อให้ผู้ประกอบการมั่นใจได้ว่า จะสามารถส่งของต่างประเทศได้อย่างราบรื่น แม่นยำ และไร้กังวล   ปัญหาทั่วไปที่คนมักเจอเมื่อซื้อของจากต่างประเทศ แม้การส่งของไปต่างประเทศจะเป็นโอกาสดีในการขยับขยายธุรกิจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาจต้องเจอกับความยุ่งยากระหว่างทางที่ต้องจัดการ มาดูกันว่า ปัญหาที่พบบ่อยในการซื้อหรือส่งสินค้าจากต่างประเทศมีอะไรบ้าง ความยุ่งยากในการจัดการเอกสารและพิธีการศุลกากร การนำเข้าส่งออกเกี่ยวข้องกับเอกสารจำนวนมาก ทั้งใบขนสินค้า ใบกำกับภาษี และใบรับรองต่าง ๆ หากผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้สินค้าถูกกักหรือล่าช้าได้ โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ ที่ยังไม่คุ้นเคยกับรายละเอียดเฉพาะของแต่ละประเทศ การทำความเข้าใจและจัดการทั้งหมดนี้อาจเป็นเรื่องซับซ้อนและทำให้เสียเวลามากขึ้น ปัญหาเรื่องค่าขนส่งและภาษีที่คาดไม่ถึง ค่าใช้จ่ายที่บานปลายมักเกิดขึ้นเพราะไม่เข้าใจการคำนวณค่าขนส่ง ภาษีนำเข้า หรือค่าใช้จ่ายแฝงที่มักเกิดขึ้นภายหลัง ทำให้ผู้ประกอบการต้องจ่ายเกินงบที่วางแผนไว้ ความไม่แน่นอนของระยะเวลาในการจัดส่ง สินค้าที่ถึงมือล่าช้าอาจส่งผลเสียต่อธุรกิจโดยตรง ทั้งในแง่ความพึงพอใจของลูกค้าและเสียโอกาสในการขาย สาเหตุอาจมาจากขั้นตอนการตรวจสอบเอกสาร การจัดการขนส่งที่ไม่เป็นระบบ หรือปัญหาอื่น ๆ ที่ควบคุมได้ยาก   บริษัทชิปปิ้ง ช่วยอะไรได้บ้าง

ทำไมการใช้บริการบริษัทชิปปิ้งช่วยให้ส่งของต่างประเทศได้ง่ายขึ้น Read More »

customs clearance

คนทำธุรกิจส่งออกควรรู้ Custom Clearance คืออะไร ต้องทำยังไง

สำหรับธุรกิจที่กำลังมองหาโอกาสขยายตลาดสู่สากลด้วยการส่งออกสินค้า Customs Clearance หรือพิธีการศุลกากร คือหัวใจสำคัญที่คุณจำเป็นต้องทำความเข้าใจ เพราะนี่ไม่ใช่เพียงแค่ขั้นตอนการจัดการเอกสาร แต่เป็นด่านที่ชี้ชะตาว่าสินค้าของคุณจะสามารถเดินทางเข้าและออกจากประเทศได้อย่างราบรื่น ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในภายหลัง การเตรียมความพร้อมในส่วนนี้จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุมเกี่ยวกับพิธีการศุลกากร เพื่อให้คุณพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์และก้าวสู่ตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ พิธีการศุลกากร คืออะไร พิธีการศุลกากร คือกระบวนการที่สินค้าทุกชนิด ทั้งนำเข้าและส่งออก ต้องผ่านการตรวจสอบและอนุมัติจากหน่วยงานศุลกากร เพื่อให้มั่นใจว่าการเคลื่อนย้ายสินค้าระหว่างประเทศเป็นไปอย่างถูกกฎหมาย มีการสำแดงรายการสินค้าถูกต้อง ชำระภาษีอากรครบถ้วน และปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง พิธีการศุลกากรมีความสำคัญยังไงกับธรุกิจส่งออก การทำ Customs Clearance อย่างถูกต้องนั้น ไม่ใช่แค่การทำตามกฎหมาย แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจ โดยเฉพาะด้านโลจิสติกส์และการบริหารต้นทุน เพราะช่วย: ป้องกันความล่าช้า: การเตรียมเอกสารและการดำเนินการที่ถูกต้องช่วยให้สินค้าไม่ถูกกัก ทำให้ส่งถึงมือผู้รับปลายทางได้ตามกำหนด ลดความเสียหายทั้งค่าใช้จ่ายและค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ หลีกเลี่ยงค่าปรับและปัญหาทางกฎหมาย: พิธีการที่ไม่ถูกต้องอาจนำไปสู่ค่าปรับมหาศาล หรือร้ายแรงที่สุดคือถูกดำเนินคดี ซึ่งส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของธุรกิจ สร้างความน่าเชื่อถือ: การดำเนินงานส่งออกอย่างมืออาชีพ ไร้ข้อผิดพลาดด้านพิธีการศุลกากร ช่วยสร้างความไว้วางใจให้กับคู่ค้า เพิ่มโอกาสทางธุรกิจในระยะยาว ควบคุมต้นทุน: การบริหารจัดการภาษีอากรและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับ Customs Clearance อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยประมาณการต้นทุนได้อย่างแม่นยำ และหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด ป้องกันสินค้าผิดกฎหมาย: พิธีการศุลกากรมีบทบาทสำคัญในการป้องกันการลักลอบนำเข้าหรือส่งออกสินค้าผิดกฎหมาย เพื่อความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ พิธีการศุลกากร

คนทำธุรกิจส่งออกควรรู้ Custom Clearance คืออะไร ต้องทำยังไง Read More »

บริษัทนำเข้าส่งออก ในไทย

รวม 5 วิธีเลือกบริษัทนำเข้าส่งออกในไทย เลือกยังไงให้ธุรกิจราบรื่น

การขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกไม่ใช่เรื่องไกลตัวสำหรับ SMEs ไทยในยุคนี้ แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้ตัวสินค้าคือเบื้องหลังการนำเข้า-ส่งออกที่ราบรื่น พาร์ทเนอร์อย่างบริษัทนำเข้าส่งออก ที่เข้าใจธุรกิจและจัดการทุกขั้นตอนได้อย่างมืออาชีพ ตั้งแต่เอกสารไปจนถึงพิธีการศุลกากรที่ซับซ้อน จะช่วยลดได้ทั้งข้อผิดพลาดและความเสี่ยงในทุกขั้นตอน ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเอกสารตกหล่น หรือการคำนวณภาษีผิดพลาด อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนและความน่าเชื่อถือของธุรกิจคุณได้ทันที การเลือกบริษัทนำเข้าส่งออกที่เหมาะสม จึงเป็นก้าวแรกที่ช่วยให้การค้าระหว่างประเทศเป็นเรื่องง่าย ไม่มีสะดุด และพร้อมเติบโตได้อย่างมั่นใจ ประเภทของบริษัทนำเข้า-ส่งออก มีอะไรบ้าง ก่อนจะเจาะลึกวิธีการเลือกบริษัทนำเข้าส่งออกที่เหมาะสม เรามาทำความเข้าใจประเภทของบริษัทที่ให้บริการด้านนี้ เพื่อให้คุณทราบว่าธุรกิจของคุณกำลังต้องการบริการแบบไหน ผู้ผลิต คือบริษัทที่ผลิตสินค้าและต้องการส่งออก บางรายอาจมีทีมภายในจัดการเองทั้งหมด หรือใช้บริการภายนอกในส่วนที่ซับซ้อน เช่น พิธีการศุลกากร ผู้ส่งออก ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งสินค้าไปต่างประเทศโดยเฉพาะ อาจรวบรวมสินค้าจากหลายผู้ผลิต หรือเป็นตัวแทนจำหน่าย ทำหน้าที่ดูแลเอกสาร กฎระเบียบ และการขนส่ง ผู้นำเข้า บริษัทที่นำสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาในไทย ไม่ว่าจะเพื่อจำหน่ายหรือใช้ในการผลิตต่อ ต้องรับผิดชอบเรื่องภาษีนำเข้าและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ผู้รับจัดการและให้คำปรึกษาด้านการนำเข้า-ส่งออก กลุ่มนี้รู้จักกันดีในชื่อ Freight Forwarder หรือ Customs Broker พวกเขาไม่ได้เป็นเจ้าของสินค้า แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยดูแลทุกขั้นตอนของการนำเข้าส่งออก ตั้งแต่การวางแผน จัดการขนส่ง ทำเอกสารสำคัญ ไปจนถึงการผ่านพิธีการศุลกากร รวมถึงให้คำปรึกษาเรื่องกฎระเบียบต่าง

รวม 5 วิธีเลือกบริษัทนำเข้าส่งออกในไทย เลือกยังไงให้ธุรกิจราบรื่น Read More »

ขนส่งต่างประเทศ

แนะนำขนส่งต่างประเทศ ราคาถูก ได้มาตรฐาน ตัวเลือกที่ดี สำหรับมือใหม่

การขยายธุรกิจไปต่างประเทศเป็นความฝันของหลาย ๆ SMEs แต่พอคิดถึงการจัดการเรื่องขนส่งต่างประเทศทีไร ก็ฟังดูเป็นเรื่องยุ่งยากและซับซ้อน โดยเฉพาะผู้ประกอบการมือใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วงการโลจิสติกส์ คุณอาจยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นจากจุดไหน หรือจะเลือกผู้ให้บริการเจ้าไหนดีเพื่อให้ได้มาตรฐาน ปลอดภัย และราคาที่เหมาะสม บทความนี้คือคำตอบ เราจะพาคุณเจาะลึกทุกแง่มุมของการส่งของไปต่างประเทศ ตั้งแต่การเตรียมตัว เอกสารที่จำเป็น ไปจนถึงข้อควรระวังต่าง ๆ เพื่อให้คุณส่งสินค้าถึงมือลูกค้าได้อย่างมั่นใจ ไร้กังวล และสามารถเลือก Freight Forwarder ที่มีคุณภาพมาใช้บริการได้อย่างมั่นใจ ช่วยลดความกังวลและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจของคุณ อยากส่งของออกไปต่างประเทศ เริ่มต้นยังไง การส่งของไปต่างประเทศครั้งแรกอาจดูซับซ้อน ดังนั้นก่อนจะกดจองบริการขนส่งต่างประเทศ สิ่งสำคัญคือการวางแผนให้ละเอียดตั้งแต่ต้น หากทำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง จะช่วยป้องกันความผิดพลาดและค่าใช้จ่ายแฝงที่อาจตามมา ทำให้ส่งของได้อย่างราบรื่นถึงมือผู้รับอย่างแน่นอน 1.กำหนดประเทศและที่อยู่ปลายทางให้ชัดเจน สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือการระบุประเทศและที่อยู่ปลายทางให้ชัดเจน ยิ่งข้อมูลปลายทางแม่นยำเท่าไร การประเมินค่าขนส่งและระยะเวลาการจัดส่งก็ยิ่งแม่นยำตามไปด้วย ตรวจสอบรหัสไปรษณีย์ เบอร์ติดต่อ และเอกสารประกอบให้ครบถ้วน เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าจะถูกส่งไปถึงมือผู้รับได้อย่างถูกต้อง 2.แพ็กสินค้าให้แข็งแรงและปลอดภัย หากสินค้าเสียหายระหว่างขนส่ง ความเสียหายอาจมากกว่ามูลค่าพัสดุ การใช้วัสดุกันกระแทกที่มีคุณภาพ หรือกล่องที่มีสัญลักษณ์ระบุลักษณะสินค้า จะช่วยให้ของถึงปลายทางได้อย่างปลอดภัย 3.ชั่งน้ำหนักและวัดขนาดของพัสดุ น้ำหนักและขนาดพัสดุส่งผลต่อค่าขนส่งโดยตรง ควรชั่งน้ำหนักและวัดขนาดให้ถูกต้อง เพื่อให้ประเมินงบประมาณได้อย่างแม่นยำ 4.เลือกผู้ให้บริการที่เหมาะสมกับสินค้าและงบประมาณ ผู้ให้บริการขนส่งต่างประเทศแต่ละราย มีเงื่อนไข ราคา และจุดแข็งต่างกัน บางรายเหมาะกับสินค้าที่เน้นความรวดเร็ว

แนะนำขนส่งต่างประเทศ ราคาถูก ได้มาตรฐาน ตัวเลือกที่ดี สำหรับมือใหม่ Read More »

Scroll to Top