คาร์โก้ขนส่ง Air Cargo และ Air Freight คืออะไร?

สำหรับคนที่เคยใช้บริการคาร์โก้ขนส่ง หรือ ขนส่งสินค้าระหว่างประเทศน่าจะคุ้นหูกับคำว่า Air Cargo และ Air Freight กันมาบ้าง เนื่องจากทั้ง 2 คำถูกใช้อย่างกว้างขวางในการขนส่งสินค้าทางอากาศ แต่อาจเกิดความสับสนได้ว่าขอบเขตการบริการและความหมายของทั้ง 2 คำนี้ แตกต่างกันอย่างไร เพื่อความเข้าใจลึกซึ้งที่จะนำไปสู่การเลือกใช้บริการอย่างถูกต้อง มาร่วมไขความกระจ่างถึงความแตกต่างของ คาร์โก้ขนส่ง 2 ชนิด อย่าง Air Cargo และ Air Freight ผ่านบทความนี้

Air Cargo คืออะไร

สารบัญ

Air Cargo คืออะไร?

Air Cargo คือ สินค้าหรือพัสดุใด ๆ ก็ตามที่ถูกขนส่งโดยเครื่องบินพาณิชย์หรือเครื่องบินขนส่งสินค้าโดยเฉพาะ คาร์โก้ขนส่งประเภทนี้เน้นไปที่ตัวสินค้าที่กำลังถูกเคลื่อนย้าย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าทั่วไป สินค้าเฉพาะทาง สินค้าอันตราย หรือแม้แต่ไปรษณีย์ภัณฑ์ ดังนั้น Air Cargo จึงหมายถึงวัตถุที่จับต้องได้ซึ่งกำลังเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งผ่านทางอากาศ

Air Freight คืออะไร

Air Freight หมายถึงอะไร?

Air Freight หมายถึง กระบวนการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าทางอากาศ โดยครอบคลุมตั้งแต่ตัวสินค้า ไปจนถึงบริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การจัดการเอกสาร การบรรจุหีบห่อ การดำเนินการด้านศุลกากร การติดตามสถานะสินค้า และการประสานงานระหว่างผู้ส่ง ผู้รับ และสายการบิน ดังนั้น Air Freight จึงมีความหมายที่กว้างกว่า Air Cargo เพราะเป็นโซลูชันการจนส่งแบบครบวงจรสำหรับคาร์โก้ขนส่งสินค้าทางอากาศ

ขนส่งสินค้า สำคัญต่อธุรกิจ

ทำไมการขนส่งสินค้าจึงมีความสำคัญในธุรกิจ

การขนส่งสินค้ามีความสำคัญในธุรกิจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคาร์โก้ขนส่งทางอากาศที่มีความรวดเร็วในการขนส่งสินค้าไปถึงประเทศปลายทางมากกว่าคาร์โก้ขนส่งประเภทอื่นทำให้ลดระยะเวลารอคอยสินค้า สร้างความพึงพอใจและเป็นแต้มต่อทางธุรกิจเหนือคู่แข่งได้ เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการความรวดเร็ว เช่น สินค้าที่เน่าเสียได้ง่าย สินค้าแฟชั่นตามฤดูกาล หรือชิ้นส่วนเครื่องจักรที่จำเป็นเร่งด่วน

การขนส่งทางอากาศยังมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในการช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก และยังสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการความรวดเร็ว ความปลอดภัยของสินค้า และความน่าเชือถือในการชนส่งสินค้าด้วย

Air Carg มีกี่ประเภท

Air Cargo มีกี่ประเภท?

Air Cargo มีด้วยกัน 3 ประเภท ซึ่งสามารถแบ่งตามเกณฑ์ได้ดังนี้

1. แบ่งตามประเภทสินค้า

การแบ่งตามประเภทสินค้า มีด้วยกันหลัก 2 ประเภท คือ สินค้าทั่วไป และสินค้าพิเศษ ซึ่งมีความแตกต่างกันของรายละเอียดสินค้าดังนี้
• สินค้าทั่วไป (General Cargo) เป็นสินค้าที่ไม่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษในการขนส่ง เช่น เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่บอบบาง อะไหล่รถยนต์ เป็นต้น
• สินค้าพิเศษ (Special Cargo) เป็นสินค้าที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษระหว่างการขนส่ง เช่น สินค้าที่เน่าเสียได้ง่าย สินค้ามีค่า สินค้าอันตราย สัตว์มีชีวิต สินค้าที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิ และสินค้าที่ขนาดใหญ่หรือน้ำหนักมาก

2. แบ่งตามวิธีการขนส่ง

การแบ่งตามวิธีขนส่งจะจำแนกตามลักษณะการบริการและความเร่งด่วนในการให้บริการคาร์โก้ขนส่ง ซึ่งแบ่งได้ดังนี้
• บริการขนส่งแบบเร่งด่วน (Express Cargo) เป็นบริการคาร์โก้ขนส่งที่มีความรวดเร็วในการจัดส่ง มักใช้สำหรับการขนส่งเอกสาร พัสดุขนาดเล็ก หรือสินค้าที่ต้องการส่งถึงปลายทางอย่างรวดเร็ว
• บริการขนส่งแบบปกติ (Standard Cargo) เป็นบริการคาร์โก้ขนส่งสินค้าทั่วไปที่มีระยะเวลาในการจัดส่งตามปกติ ซึ่งค่าใช้จ่ายบริการจะต่ำกว่าแบบเร่งด่วน
• บริการขนส่งแบบเหมาลำ (Charter Cargo) เป็นการเช่าเครื่องบินทั้งลำเพื่อขนส่งสินค้า นิยมใช้สำหรับการขนส่งสินค้าปริมาณมาก สินค้าขนาดใหญ่ หรือเมื่อต้องการความยืดหยุ่นในเรื่องของตารางการบินและเส้นทาง

3. แบ่งตามปลายทางของการจัดส่ง

การแบ่งตามปลายทางของการจัดส่ง จะเป็นการบ่งที่พิจารณาถึงขอบเขตในการขนส่ง โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
• การขนส่งภายในประเทศ (Domestic Cargo) การขนส่งสินค้าภายในประเทศ
• การขนส่งระหว่างประเทศ (International Cargo): การขนส่งสินค้าจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่ง

รูปแบบการขนส่ง

รูปแบบการขนส่งสินค้าที่ใช้ในโลจิสติกส์

รูปแบบการขนส่งสินค้าที่ใช้ในโลจิสติกส์ในปัจจุบันมีหลายรูปแบบ ซึ่งคาร์โก้ส่งแต่ละรูปแบบมีวิธีการขนส่งที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งยังมีข้อดี และข้อจำกัดที่แตกต่างกัน สามารถแบ่งได้ดังนี้

1. การขนส่งทางถนน (รถบรรทุก/รถยนต์)

การขนส่งทางถนน เป็นคาร์โก้ขนส่งที่พบเห็นได้ทั่วไป ซึ่งจะใช้รถบรรทุกขนาดต่าง ๆ หรือรถกระบะในการขนส่งสินค้า มีข้อดีในด้านความยืดหยุ่น เหมาะสำหรับการขนสินค้าในระยะทางที่ไม่ไกลมากและให้ความรวดเร็ว และยังเหมาะสำหรับการเชื่อต่อกับการขนส่งในรูปแบบอื่น ๆ แต่มีข้อจำกัดในด้านปริมาณที่ไม่สามารถขนส่งสินค้าในปริมาณมากได้เท่าการขนส่งรูปแบบอื่น มีต้นทุนต่อหน่วยสูงสำหรับการขนส่งระยะไกล และอาจประสบปัญหาด้านการจราจร

2. การขนส่งทางราง

การขนส่งทางราง หรือการขนส่งสินค้าโดยใช้รถไฟรางเหล็ก เหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าจำนวนมากและมีน้ำหนักมาก เช่น สินค้าเกษตร วัตถุดิบ สินค้าอุตสาหกรรม และตู้คอนเทนเนอร์ ให้ความประหยัดในการขนส่งเมื่อเทียบกับทางถนน มีความปลอดภัยสูง แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการความรวดเร็วในการขนส่งสินค้า และมีความยิดหยุ่นต่ำเนื่องจากการปรับเส้นทางหรือตารางเดินรถทำได้ยาก

3. การขนส่งทางน้ำ

การขนส่งทางน้ำ เป็นการขนส่งสินค้าโดยใช้เรือ เหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าที่มีขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก และมีปริมาณมาก เป็นรูปแบบการขนส่งที่มีต้นทุนต่ำที่สุดสำหรับการขนส่งสินค้าปริมาณมากในระยะทางไกล และเหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าไปยังต่างประเทศ แต่คาร์โก้ขนส่งรูปแบบนี้ข้อจำกัดด้านเส้นทางและภูมิประเทศ ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับน้ำ ความลึกของร่องน้ำ และสภาพอากาศ อีกทั้งยังใช้เวลานานที่สุดในการขนส่ง

4. การขนส่งทางอากาศ (Air Cargo / Air Freight)

การขนส่งทางอากาศ (Air Cargo / Air Freight) คือ การขนส่งสินค้าโดยใช้เครื่องบิน เหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าที่ต้องการความรวดเร็วเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นคาร์โก้ขนส่งที่ทำความเร็วในการขนส่งสูงสุด สามารถขนส่งไปยังพื้นที่ที่การขนส่งรูปแบบอื่นเข้าถึงได้ยาก และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด ในขณะเดียวกันการขนส่งทางอากาศเป็นรูปแบบการขนส่งที่มีต้นทุนสูงที่สุด และบรรทุกสินค้าได้จำกัดเมื่อเทียบกับรูปแบบอื่น

5. การขนส่งผ่านท่อ

การขนส่งผ่านท่อ มักเป็นการขนส่งสิ่งของประเภทของเหลวและก๊าซ เหมาะสำหรับการขนส่งน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และสารเคมีในระยะทางไกล ต้นทุนต่ำสำหรับการขนส่งปริมาณมากอย่างต่อเนื่องและมีความปลอดภัยสูงเนื่องจากระบบความคุมและตรวจสอบความปลอดภัย แต่การเปลี่ยนแปลงเส้นทางการขนส่งจะทำได้ยาก และมีลงทุนสูงในระยะเริ่มต้นเนื่องจากการวางท่อมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

6. การขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์

การขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์ คาร์โก้ขนส่งรูปแบบนี้ไม่ใช่รูปแบบการขนส่งโดยตรง แต่เป็นวิธีการบรรจุและขนส่งสินค้าโดยใช้ตู้คอนเทนเนอร์มาตรฐาน ซึ่งช่วยลดความเสียหายและการสูญหายของสินค้า การขนถ่ายสินค้าทำได้รวดเร็วและง่ายดายด้วยอุปกรณ์มาตรฐาน การจัดการสินค้าเป็นระบบมากขึ้นซึ่งช่วยลดต้นทุนในการขนส่งตามไปด้วย การขนส่งรูปแบบนี้ต้องมีอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ท่าเรือที่มีเครนยกตู้คอนเทนเนอร์ รถบรรทุกและรถไฟที่สามารถขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ได้

คารโก้ขนส่ง เอกสาร

เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง Air Cargo

เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง Air Cargo โดยทั่วไป ได้แก่
• ใบตราส่งสินค้าทางอากาศ (Air Waybill: AWB) ทำหน้าที่เป็นสัญญาการขนส่งระหว่างผู้ส่งสินค้าและสายการบิน หรือตัวแทนขนส่งทางอากาศ
• บัญชีราคาสินค้า (Commercial Invoice) เอกสารที่แสดงรายละเอียดของสินค้า มูลค่า จำนวน ราคาต่อหน่วย และเงื่อนไขการชำระเงิน
• บัญชีบรรจุหีบห่อ (Packing List) แสดงรายละเอียดของบรรจุภัณฑ์ จำนวนหีบห่อ น้ำหนัก และรายละเอียดของสินค้าที่บรรจุในแต่ละหีบห่อ
• ใบขนสินค้าขาออก/ขาเข้า (Export/Import Declaration) ใช้ในการดำเนินพิธีการทางศุลกากรสำหรับการส่งออกหรือนำเข้าสินค้า
• เอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้า ประเทศต้นทางและปลายทางที่อาจต้องการเอกสารเพิ่มเติม

เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Air Cargo และ Air Freight

ความแตกต่างระหว่าง Air Cargo และ Air Freight ที่ถูกใช้เรียกแทนกันบ่อยครั้ง แต่ความหมายที่แท้จริงของทั้ง 2 คำที่ใช้เรียกคาร์โก้ขนส่งทางอากาศมีความแตกต่างกัน Air Cargo หมายถึงตัวสินค้าที่ถูกขนส่งทางอากาศ ในขณะที่ Air Freight ครอบคลุมถึงกระบวนการและบริการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการคาร์โก้ขนส่งสินค้าทางอากาศ โดยการทำความเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยให้ทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมการคาร์โก้ขนส่ง สามารถดำเนินงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจร่วมกัน

Scroll to Top