ภาษีเก็บที่ใคร ถ้าเลือกให้ Freight forwarder เป็นผู้ขนส่ง

Freight forwarder

เมื่อต้องส่งของไปต่างประเทศ การมีผู้ช่วยอย่าง Freight Forwarder หรือตัวแทนผู้รับจัดการขนส่งสินค้า จะช่วยให้การขนส่งราบรื่นและสินค้าไปถึงมือผู้รับอย่างแน่นอน แต่คำถามที่หลายคนมักสงสัยคือ ใครต้องเป็นคนจ่ายภาษีเมื่อใช้บริการนี้ เรื่องนี้ไม่น่ากังวลใจอย่างที่คิด เพราะหน้าที่รับผิดชอบเรื่องภาษีถูกกำหนดไว้ชัดเจนตามข้อตกลงและกฎหมายศุลกากร

โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ที่ต้องรับผิดชอบในการชำระภาษีคือ ‘ผู้นำเข้า’ (Consignee) แต่อาจมีข้อยกเว้นที่ทำให้ ‘ผู้ส่งออก’ (Shipper) ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ด้วย ซึ่งทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศ (Incoterms) ที่ตกลงกันไว้ในการซื้อขาย บทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกเรื่องภาษีทั้งฝั่งผู้นำเข้าและผู้ส่งออก และบทบาทของ Freight Forwarder Thailand ว่าจะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องนี้อย่างไรได้บ้าง

Freight forwarder ภาษี

ภาษีนำเข้าและส่งออก: หน้าที่ของใครกันแน่?

ภาษีในการขนส่งระหว่างประเทศจะถูกแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลักคือ ‘อากรขาเข้า’ และ ‘อากรขาออก’ โดยทั่วไปแล้ว หน้าที่หลักในการชำระภาษีนำเข้าจะตกเป็นของ ‘ผู้นำเข้า’ ซึ่ง Freight Forwarder จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่ช่วยจัดการเอกสารและกระบวนการทางศุลกากร มาดูกันว่าผู้ส่งออกและผู้นำเข้ามีหน้าที่ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง

ผู้ส่งออก (Shipper) มีภาระภาษีอะไรบ้าง?

แม้ภาระภาษีหลักจะอยู่ที่ผู้นำเข้า แต่ผู้ส่งออกก็มีสิ่งที่ต้องจัดการ ในประเทศไทย สินค้าส่งออกส่วนใหญ่จะได้รับยกเว้นอากรขาออก และเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในอัตราร้อยละ 0 มีเพียงสินค้าบางประเภทเท่านั้นที่ยังคงต้องเสียภาษีตามที่กำหนด เช่น หนังโคหรือกระบือ และสินค้าที่ส่งออกจากพื้นที่พัฒนาร่วม โดยผู้ส่งออกที่จดทะเบียน VAT มีหน้าที่ต้องออกใบกำกับภาษีและสามารถขอคืน VAT ที่จ่ายไปในต้นทุนการผลิตได้

ผู้นำเข้า (Consignee) ต้องจ่ายภาษีอะไรบ้าง?

ผู้นำเข้าคือผู้รับผิดชอบภาษีนำเข้าเป็นหลัก ซึ่งประกอบด้วย

  • ภาษีศุลกากร (Customs Duty) เป็นภาษีหลักที่เก็บจากสินค้าที่นำเข้า อัตราภาษีขึ้นอยู่กับประเภทสินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากร (HS Code) การคำนวณภาษีใช้จะใช้มูลค่าสินค้า (CIF Value: Cost, Insurance, and Freight) คูณด้วยอัตราอากรที่กำหนด
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นภาษีทางอ้อมที่เก็บจากการบริโภค สินค้านำเข้าต้องชำระ VAT ในอัตราร้อยละ 7 ฐานในการคำนวณ VAT คือ

ฐานภาษี = มูลค่าสินค้า (CIF) + อากรขาเข้า +  ภาษีสรรพสามิต (ถ้ามี) + ภาษีอื่น ๆ (ถ้ามี)

VAT ที่ต้องชำระ = ฐานภาษี × 7%

ภาษีสรรพสามิต เป็นภาษีที่เก็บจากสินค้าและบริการบางประเภท เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ น้ำมัน และรถยนต์ ผู้นำเข้าต้องชำระภาษีนี้ก่อนการคำนวณ VAT การคำนวณและอัตราจะแตกต่างกันไปตามประเภทของสินค้า โดยอาจคิดตามมูลค่าหรือปริมาณหรือทั้งสองอย่าง ตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต

หน้าที่ของ Freight forwarder

บทบาทของ Freight forwarder ในการจัดการภาษี

ถึงแม้ว่า Freight Forwarder จะไม่ได้เป็นผู้จ่ายภาษีนำเข้าแทนลูกค้าโดยตรง แต่ก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยจัดการเรื่องภาษีให้เป็นไปอย่างราบรื่น ด้วยการเป็นผู้ให้คำปรึกษาและอำนวยความสะดวกด้านพิธีการศุลกากรทั้งหมด เพื่อให้มั่นใจว่า การคำนวณภาษีและการดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ช่วยให้เรื่องภาษีที่ซับซ้อนนี้กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นได้

การให้คำปรึกษาและการเตรียมเอกสาร

Freight Forwarder จะให้คำปรึกษาเกี่ยวกับพิกัดอัตราศุลกากร (HS Code) เพื่อช่วยให้ลูกค้าจัดหมวดหมู่สินค้าได้อย่างถูกต้อง รวมถึงช่วยเตรียมเอกสารที่จำเป็น เช่น ใบขนสินค้า ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading) และเอกสารใบอนุญาตต่าง ๆ เพื่อให้การยื่นต่อศุลกากรเป็นไปอย่างถูกต้องและรวดเร็ว

การประสานงานกับกรมศุลกากร

อีกหนึ่งบทบาทของ Freight forwarder คือการทำงานร่วมกับกรมศุลกากรในขั้นตอนพิธีการนำเข้าและส่งออก ด้วยความเข้าใจในระบบศุลกากรเป็นอย่างดี จึงสามารถช่วยตรวจสอบเอกสาร ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ และติดตามสถานะการปล่อยสินค้าให้เสร็จสิ้นตามกำหนด

สรุป

การชำระภาษีในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศนั้น ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศ (Incoterms) แต่โดยทั่วไป ผู้นำเข้า (Consignee) คือผู้รับผิดชอบภาษีนำเข้าและภาษีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยตัวแทนผู้รับจัดการขนส่งสินค้า จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่ช่วยจัดการเอกสารและกระบวนการทางศุลกากรทั้งหมด ดังนั้น การเลือก Freight Forwarder ที่เชี่ยวชาญจะช่วยให้การคำนวณภาษีและการผ่านพิธีการศุลกากรเป็นไปอย่างถูกต้องและราบรื่นในทุกขั้นตอน

ให้ Freight Ranger เป็นผู้ดูแลเรื่องภาษีและเอกสารแทนคุณ เราพร้อมดูแลคุณทุกในขั้นตอนการนำเข้าและส่งออก เพื่อให้ทุกการขนส่งของคุณราบรื่น ปลอดภัย และมั่นใจได้ในทุกปลายทาง

Scroll to Top